ทุกวันนี้รถยนต์บนท้องถนน มักเป็นรถขับเคลื่อนด้วยเกียร์ auto เนื่องจากให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยเฉพาะ สภาพการจราจรติดขัดอย่างในกรุงเทพ ซึ่งจะต้องมีการขับเคลื่อน ชะลอตัว เบรกอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์อยู่บ่อยๆ สร้างความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ในการขับขี่รถยนต์เกียร์Autoนั้น ผู้ขับควรจดจำตำแหน่ง รวมทั้งใช้เกียร์แต่ละเกียร์ได้ อย่างถูกต้อง เกียร์ auto ช่วยทำให้การวางของเท้าสบายมากขึ้น ไม่เมื่อยเท้า จึงเหมาะกับการขับในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
ตำแหน่งต่างๆของเกียร์ auto
- P ใช้สำหรับจอดรถในตำแหน่งไม่ขวางทางรถคันอื่นหรือจอดรถในบริเวณลาดชัน
- R ใช้สำหรับถอยหลัง จัดเป็นตำแหน่งอันตรายที่สุด ต้องเหยียบเบรกทุกครั้งที่เข้าเกียร์R เพื่อให้รถถอยหลังอย่างช้า ๆ
- N คือเกียร์ว่าง ใช้ในการหยุดรถเพียงชั่วคราวหรือจอดรถอยู่ในตำแหน่งกีดขวางเส้นทางจราจร เช่น จอดรถขณะติดไฟแดง และเมื่อเกียร์อยู่ตำแหน่งนี้ ทำให้สามารถเข็นรถได้ เวลาจอดรถในห้างที่ต้องมีการเคลื่อนรถ อย่าลืมปลดเบรคมือด้วยล่ะ
- D หรือ D4 คือเกียร์เดินหน้า ใช้ในการขับขี่รถตามปกติ ถ้ารถวิ่งทางราบเราจะใช้เกียร์นี้บ่อยที่สุด
- 2 หรือ D2 ใช้สำหรับการขับขี่ขึ้นทางลาดชันที่ไม่สูงมากนัก เช่น ขับขึ้นเขา ขับขึ้นลงตามห้าง และสามารถใช้ความเร็วได้พอสมควร โดยรถจะเปลี่ยนเกียร์เองโดยอัตโนมัติ โดนเริ่มจากเกียร์ 1 ไปยังเกียร์ 2
- L คือเกียร์1 ใช้สำหรับการขับขี่ขึ้นลงบนทางลาดชันที่สูงมาก และต้องใช้ความเร็วต่ำ การลงเขาด้วยเกียร์ L เป็นการใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก เพื่อลดการเหยียบเบรก เพราะทำให้ผ้าเบรกหมดเร็วได้
วิธีขับรถเกียร์Autoอย่างปลอดภัย
โดยผู้ขับรถเกียร์ Auto ทั่วๆไปจะใช้อยู่เพียงแค่ 4 ตำแหน่งเท่านั้น คือ R , N , P, D4 แต่ที่จริงแล้วคุณควรเปลี่ยนไปใช้เกียร์ตำแหน่งอื่นๆบ้างเพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อสถานการณ์ต่างๆนั่นเอง
เทคนิคการขับรถเกียร์Auto เมื่อลงทางลาดชัน และการ Kick Down เมื่อต้องการเร่งเพื่อแซง สำหรับการขับรถลงทางลาดชัน แนะนำว่าควรเลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D3 กรณีทางลงระยะยาวแต่ไม่ชันมาก แต่ถ้าทางลงนั้นชั้นมากๆแนะนำว่าควรเลื่อนไปทีเกียร์2 เพื่อให้เครื่องยนต์ช่วยเบรก ในขณะเดียวกันอาจจะเหยียบเบรกหรือใช้เบรกมือไปด้วย เพื่อช่วยหยุดรถให้ดียิ่งขึ้น
ไม่ควรใช้เกียร์ N หรือ D4 ในการขับรถลงทางลาดชัน เพราะไม่มีเครื่องยนต์ช่วยเบรกและชะลอความเร็ว เป็นการขับที่ผิดวิธีซึ่งอันตรายมาก